แม้ว่าธรรมชาติของเส้นผมจะถูกสร้างขึ้นและจะหลุดร่วงไปตามกาลเวลา แต่ธรรมชาติของมนุษย์ก็ยังคงไม่เข้าใจ ทั้งยังหาวิธีสารพัดที่จะทำให้เส้นผมเหล่านั้นคงอยู่กับเราไปอีกแสนนาน แล้วในเมื่อเส้นผมต้องมีการหลุดร่วงอยู่แล้ว แต่แบบไหนที่จะเรียกว่าเกินพอดีและต้องรีบหันมาดูแลกันแบบด่วน ๆ ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับวงจรของเส้นผมกันก่อนค่ะ
ผมของคนเรานั้น แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
- ระยะเจริญเติบโต (Anagen) – มีพันธุกรรมเป็นตัวกำหนด ใครที่ต่อมรากผมอยู่ในระยะนี้ได้นาน ผมก็จะยิ่งยาวได้มากขึ้น และกินพื้นที่กว่า 90% ของเส้นผมบนศีรษะ
- ระยะหยุดเจริญเติบโต (Catagen) – เป็นช่วงที่กินเวลาเพียง 2-3 สัปดาห์ ในช่วงนี้ต่อมรากผมจะหดตัว ทำให้เส้นผมถูกดันขึ้นเพื่อเตรียมตัวสู่ระยะต่อไป
- ระยะหลุดร่วง (Telogen) – เส้นผม 10% ของเรา จะหลุดร่วงในระยะนี้โดยจะหลุดร่วงเฉลี่ยประมาณ 100 เส้นต่อวัน หรืออาจจะมากได้ถึง 200 เส้น ในวันที่สระผม หากใครที่มีผมร่วงต่อวันไม่เกินนี้ก็สบายใจได้เลย
แล้วแบบไหนถึงจะเรียกว่าภาวะผมร่วงกันล่ะ
ในจุดนี้เราต้องสังเกตอาการเบื้องต้นด้วยตัวเองกันก่อน เช่น
สังเกตผมที่ร่วงในแต่ละครั้ง – เมื่อไรก็ตามที่คุณหวีผม เสยผม หรือรวบผม แล้วมีเส้นผมร่วงติดมือออกมามากกว่า 50-100 เส้นต่อวัน ก็มีความเป็นไปได้ว่าคุณเริ่มเสี่ยงผมร่วงเข้าแล้ว
ลองดึงผม – ถ้าวิธีเฝ้าสังเกตยังไม่ชัดเจนพอ ให้เราลองดึงผมตัวเอง โดยให้แบ่งผมออกมาเป็นช่อเล็ก ราว 50-60 เส้น แล้วออกแรงดึงเบา ๆ หากมีผมร่วงหลุดติดมือออกมากว่า 15-20 เส้น แปลว่าตอนนี้ รากผมของคุณอ่อนแอเป็นอย่างมาก และเสี่ยงต่อภาวะผมร่วงผมบางแบบสุด ๆ และต้องการการดูแลแบบเร่งด่วน
เคล็ดลับการดูแลผมร่วงผมบาง
- หากพบว่าผมร่วงเยอะผิดปกติควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาสาเหตุของผมร่วงให้แน่ชัดเสียก่อนจากนั้นเราจะได้หาวิธีรักษาได้ตรงจุด
- ใช้ยาหรือเซรั่มที่มีส่วนผสมยับยั้งเอนไซม์ 5-α-reductase ซึ่งเป็นสาเหตุการสร้างฮอร์โมน DHT ที่ทำให้ผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ เรียกได้ว่าเป็นการรักษาได้อย่างตรงจุด
- ในกรณีที่ร่างกายขาดวิตามินก็สามารถทานวิตามินที่ช่วยบำรุงเส้นผมได้อย่างเช่น ไบโอติน สังกะสี เป็นต้น
- รักษาด้วยเลเซอร์พลังงานต่ำ Low-Level Laser Therapy (LLLT) เพื่อช่วยกระตุ้นให้รากผมแข็งแรงและทำให้เส้นผมกลับมาดูหนาขึ้นได้อีกด้วย
- ปลูกผม ถือเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับคนที่มีปัญหาผมร่วงผมบางจนถึงขั้นหัวล้านแล้ว ปลูกผมเป็นการย้ายรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกในบริเวณที่มีปัญหา
เมื่อรู้แล้วว่ามีโอกาสเสี่ยงกับภาวะผมร่วง ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนในการรักษากัน เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะรู้วิธีกันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการหมักผมด้วยสมุนไพร การหลีกเลี่ยงการทำสี ยืด ดัด การทานยาปลูกผม และอีกมากมาย แต่จะดีกว่ามั้ย หากมีผู้ช่วยในการรักษาปัญหาผมร่วง อย่าง Kemist Labs Botanical Derived Scalp Serum เซรั่มปลูกผมที่อัดแน่นด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ อย่างดอกโคลเวอร์แดง Zinc PCA นวัตกรรมจากฝรั่งเศส
สองส่วนผสมสำคัญที่ออกฤทธิ์ยังยั้งเอนไซม์ 5-α-reductase อันเป็นหนึ่งในสาเหตุของการสร้างฮอร์โมน DHT ที่ทำให้ผมร่วงและผมบาง ต้นอ่อนถั่วลันเตา และพืชพันธุ์อื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมด้วยสารสกัดจากแพลงก์ตอนทะเล ที่ช่วยฟื้นฟูเส้นผมได้ล้ำลึกลึกถึงระดับเซลล์ ช่วยลดการหลุดร่วง เสริมสร้างรากผมให้แข็งแรง คืนความอ่อนเยาว์ให้เส้นผมแลดูหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังช่วยลดความมัน ลดอาการอักเสบ ปรับสมดุลการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะให้ทั้งรากผมและหนังศีรษะของคุณแข็งแรงไปพร้อม ๆ กัน
ปัญหาผมร่วงหากปล่อยไว้นานจนเกินแก้ก็จะยิ่งเป็นปัญหาต่อบุคลิกภาพ และการรักษาในอนาคต รีบดูแลผมของคุณกันตั้งแต่วันนี้ก่อนที่ภาวะหัวล้านจะตามหาคุณเจอ