เซ็บเดิร์ม หรือภาวะผิวหนังอักเสบเรื้อรัง เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะบนหนังศีรษะ หลายคนอาจสับสนระหว่างเซ็บเดิร์มกับรังแค เพราะอาการผิวลอกคันและแดงมีความคล้ายกัน แต่เซ็บเดิร์มมีความรุนแรงมากกว่า ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่สบายและส่งผลต่อความมั่นใจเป็นอย่างมาก ในบทความนี้ KEMIST Labs จะพาไปทำความเข้าใจว่าเซ็บเดิร์มคืออะไร เกิดจากอะไร และมีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง รวมถึงแนะนำการบำรุงหนังศีรษะด้วยเซรั่ม KEMIST ที่สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้หนังศีรษะได้ดียิ่งขึ้น
เซ็บเดิร์มที่หนังศีรษะคืออะไร
เซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) คือ ภาวะผิวหนังอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยบนหนังศีรษะ อาจทำให้ผิวลอกเป็นแผ่นๆ คัน และแดง ซึ่งในบางครั้งอาจคล้ายกับรังแค แต่มีความรุนแรงกว่า เซ็บเดิร์มเป็นโรคที่พบได้บ่อยในทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และมักเป็นเรื้อรังหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง
เซ็บเดิร์ม เกิดจากอะไร
ถึงแม้ว่าเซ็บเดิร์มจะยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
- เชื้อรามาลาสซีเซีย – เชื้อรานี้พบได้ตามปกติบนผิวหนังของเรา แต่ในคนที่เป็นเซ็บเดิร์ม เชื้อรานี้อาจเจริญเติบโตมากเกินไป และทำให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบ
- การทำงานของต่อมไขมัน – เซ็บเดิร์มมักพบในบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า และหน้าอก การที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะเซ็บเดิร์ม
- ปัจจัยทางพันธุกรรม – บางคนมีความเสี่ยงต่อการเป็นเซ็บเดิร์มมากกว่าคนอื่น เนื่องจากปัจจัยทางพันธุกรรม
- ความเครียดและฮอร์โมน – ความเครียดและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจกระตุ้นให้เกิดเซ็บเดิร์ม หรือทำให้อาการแย่ลงได้
อาการของเซ็บเดิร์ม
อาการของเซ็บเดิร์มที่หนังศีรษะมักเริ่มจากการมีผิวลอก คัน และอาจมีแผ่นผิวหนังสีขาวหรือเหลือง ซึ่งลักษณะคล้ายรังแค บางครั้งอาจมีอาการแดงและรู้สึกไม่สบายบริเวณที่เป็น หากมีอาการอักเสบรุนแรง อาจทำให้มีแผลหรือผิวแตกได้
เซ็บเดิร์ม รักษาอย่างไร
การรักษาเซ็บเดิร์มที่หนังศีรษะมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ แต่ส่วนใหญ่สามารถควบคุมได้ด้วยการดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธี วิธีการรักษามีดังนี้ค่ะ
- แชมพูรักษาเซ็บเดิร์ม
แชมพูที่มีส่วนผสมของสารต่อต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) หรือซิงค์ไพริไทโอน (Zinc Pyrithione) สามารถช่วยลดการเจริญเติบโตของเชื้อรามาลาสซีเซียได้ การใช้แชมพูเหล่านี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง อาจช่วยลดอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ - สเตียรอยด์ทาภายนอก
หากอาการรุนแรงมาก แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ครีมหรือเจลที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เพื่อช่วยลดการอักเสบและอาการคัน อย่างไรก็ตาม การใช้สเตียรอยด์ควรเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้นนะคะ - การดูแลสุขภาพทั่วไป
การรับประทานอาหารที่สมดุล ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการลดความเครียดสามารถช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนและลดความเสี่ยงต่อการเกิดเซ็บเดิร์มได้ - การรักษาด้วยสมุนไพร
ในบางกรณี การใช้สมุนไพรบางชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าว หรือสารสกัดจากทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil) อาจช่วยบรรเทาอาการคันและการอักเสบได้ อย่างไรก็ตาม ควรทดลองใช้กับพื้นที่เล็กๆ ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เกิดการระคายเคืองเพิ่มเติมค่ะ
การป้องกันเซ็บเดิร์มที่หนังศีรษะ
ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถรักษาเซ็บเดิร์มให้หายขาดได้ แต่สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดอาการได้ โดยการดูแลสุขภาพหนังศีรษะให้สะอาดและชุ่มชื้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่ทำให้หนังศีรษะแห้ง
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ลดความเครียด นอนหลับให้เพียงพอ และรักษาความสะอาดของหมอนหรือผ้าปูที่นอนเป็นประจำ ก็สามารถช่วยลดอาการของเซ็บเดิร์มได้เช่นกัน
นอกจากการรักษาด้วยแชมพูและครีมเฉพาะจุดแล้ว การบำรุงหนังศีรษะด้วยเซรั่ม KEMIST ยังเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูและป้องกันปัญหาเซ็บเดิร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ เซรั่ม KEMIST มีคุณสมบัติช่วยบำรุงหนังศีรษะให้ชุ่มชื้น ลดการอักเสบ และช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของเซ็บเดิร์ม
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม เซรั่ม KEMIST ทำงานอย่างไร
วิธีการใช้เซรั่ม KEMIST
ควรใช้เซรั่ม KEMIST หลังการสระผมและเป่าผมให้แห้ง โดยหยดเซรั่มลงบนหนังศีรษะแล้วนวดเบาๆ เพื่อให้สารบำรุงซึมเข้าสู่หนังศีรษะ สามารถใช้ได้ทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ
สรุป
เซ็บเดิร์มที่หนังศีรษะเป็นภาวะผิวหนังอักเสบที่พบได้บ่อย แต่สามารถจัดการได้ด้วยการรักษาที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพหนังศีรษะอย่างต่อเนื่องและการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ จะช่วยให้สามารถควบคุมอาการและมีสุขภาพหนังศีรษะที่ดีขึ้นได้ หากอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไปนะคะ